Lalamove Ride เรียนรู้วิธีทำใบขับขี่สาธารณะ

เปลี่ยนการขับรถ เป็นอาชีพได้ง่าย เพียงแค่ต้องมีใบขับขี่สาธารณะ

Moving_Service_banner-image

ขั้นตอนการทำใบขับขี่

3 ขั้นตอนหลักๆ ที่ต้องทำในการขอมีใบขับขี่สาธารณะเป็นของตนเอง

1

จองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก

2

รับการอบรม และ สอบข้อเขียน โดยจะต้องสอบให้ได้ 28 คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน

3

นำหนังสือที่ได้จากกรมการขนส่งทางบกไปยื่นกองทะเบียนประวัติอาชญากร ชำระค่าธรรมเนียม ถ่ายรูปพิมพ์ใบขับขี่และรอรับใบขับขี่สาธารณะ

แต่ถ้ายังไม่มั่นใจ มาดูวิธีการแบบละเอียดแทนได้

AW1

อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.dlt-elearning.com

คำถามที่พบบ่อย

อายุของใบขับขี่สาธารณะ

อายุของใบขับขี่รถยนต์สาธารณะทุกประเภทคือ 3 ปี (รถยนต์ รถสามล้อ หรือมอเตอร์ไซค์)

เอกสารที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง

เอกสารที่ต้องใช้ แบ่งออกเป็นสองกรณี

สำหรับการใบขับขี่สาธารณะใหม่

  • บัตรประชาชนตัวจริง

  • ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล หรือใบขับขี่รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล (ถ้าเป็นชนิดชั่วคราวต้องมีอายุเกิน 1 ปี ขึ้นไป) ขึ้นอยู่กับประเภทใบขับขี่สาธารณะที่ต้องการขอ
  • ใบรับรองแพทย์ขอไว้ไม่เกิน 1 เดือน

สำหรับการต่อใบขับขี่สาธารณะ

  • บัตรประชาชนตัวจริง

  • ใบขับขี่สาธารณะของเดิม
  • ใบรับรองแพทย์ขอไว้ไม่เกิน 1 เดือน

เงื่อนไขในการทำใบขับขี่สาธารณะ

  1. ต้องมีใบขับขี่รถส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 1 ปี

  2. ต้องมีอายุเกิน 20 ปีขึ้นไป เช่น ใบขับขี่แท็กซี่ และรถยนต์สามล้อสาธารณะ ต้องมีอายุ 22 ปีขึ้นไป ส่วนใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป

  3. เข้าใจกฏจราจรและสามารถขับรถได้

  4. ไม่มีโรคประจำตัวและร่างกายไม่พิการจนไม่สามารถขับรถได้

  5. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือน

  6. ไม่อยู่ระหว่างถูกยึด หรือเพิกถอนใบขับขี่

  7. ไม่เคยมีคดีเกี่ยวกับการขับรถ หรือโดนปรับตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป

  8. ไม่เคยต้องโทษจำคุกในคดีต่าง ๆ แต่หากเคยรับโทษ ต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กำหนด ดังนี้

    • กรณีจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 6 เดือน

    • กรณีจำคุกเกิน 3 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 1 ปี 6 เดือน

    • กรณีจำคุกเกิน 3 ปี ต้องพ้นโทษมาไม่น้อยกว่า 3 ปี

    • กรณีอื่น ๆ เช่น โดนปรับ รอลงอาญา รอขึ้นศาล ต้องมีเอกสารทางคดีจากสถานีตำรวจมายืนยันชี้แจงเกี่ยวกับคดีความ